อย่างที่หลายคนที่รักสุขภาพทราบกันดีว่า วิตามินซีนั้นมีประโยชน์ในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงเรื่องของการดูแลผิว แต่รู้หรือไม่ว่า หากนำวิตามินซีมาจับคู่กับส่วนผสมดูแลผิวตัวอื่นๆ จะทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่การจับคู่ส่วนผสมดูแลผิว อย่างไรจะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ วันนี้ทาง บริษัท เอส.พี.วาย.คอสเมติก จำกัด มีเทคนิคดีๆมาบอกกันค่ะ วิตามินซี จับคู่ส่วนผสมดูแลผิว ตัวไหนให้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สิ่งที่ควรรู้ก่อน จับคู่วิตามินซีเพื่อดูแลผิว
ส่วนผสมบางอย่างสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อาจจับมาผสมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกส่วนผสมจะสามารถผสมรวมกันได้ เพราะส่วนผสมบางอย่างเมื่อนำมาผสมกันแล้ว มันอาจจะทำให้ประสิทธิภาพของส่วนผสมตัวใดตัวหนึ่งลดประสิทธิภาพลงไปนั่นเอง ดังนั้นในบทความนี้ ทางเราขอพาคุณผู้อ่านมาดูกันว่า วิตามินซี (Vitamin C) ที่ถือเป็นส่วนผสมระดับต้น ๆ หรือเรียกได้ว่าเป็น A-lister อันทรงพลังที่ดึงเอาแต่สิ่งที่ดีที่สุดออกมาสู่ผิวของคุณนั้นมีการกลไกการทำงานอย่างไร และเราจะสามารถจับคู่วิตามินซีกับส่วนผสมอะไรได้บ้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิวของ วิตามินซี
วิตามินซี ซึมซาบสู่ชั้นผิวอย่างไร
วิตามินซีนั้นมีอยู่ในหลายรูปแบบ ทั้งยังใช้งานได้หลายรูปแบบอีกด้วย ซึ่งในทุกรูปแบบนั้นจะมีกรดแอล-แอสคอร์บิก (L-ascorbic หรือ L-AA) ซึ่งเป็นกรดที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพมากที่สุดและได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี กรดแอล-แอสคอร์บิก นั้นเป็นโมเลกุลที่ชอบน้ำและไม่เสถียร ดังนั้น มันจึงซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ไม่มากนัก เนื่องจากผิวหนังชั้นขี้ไคล (Stratum corneum) นั้นไม่ชอบน้ำ นอกจากนั้น กรดแอล-แอสคอร์บิกยังเป็นโมเลกุลที่มีประจุไฟฟ้า ซึ่งจำกัดการซึมผ่านของตัวมันเอง เพราะฉะนั้น การลดความเป็นกรดของกรดแอล-แอสคอร์บิกลงให้มีค่ากรด-ด่าง หรือค่า pH ต่ำกว่า 3.5 จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงความเสถียรและความสามารถในการซึมผ่านชั้นผิว การลดค่า pH ลงแสดงให้เห็นว่า มันสามารถช่วยทำให้วิตามินซีซึมผ่านชั้นผิวได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของประจุเป็นรูปแบบโมเลกุลที่ไม่มีประจุนั่นเอง ดังนั้น ถ้ามีการเติม กรดเฟรูลิก (Ferulic acid) ลงไปก็จะยิ่งช่วยในเรื่องของการทำให้โมเลกุลคงตัวและทำให้มีค่าความเป็นกรดด่างต่ำว่า 3.5 นั่นเอง
วิตามินซีถือเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในผิวหนัง เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ การสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และการทำให้ผิวขาวขึ้น ดังนั้น การใช้งานทางคลินิกจึงมีตั้งแต่การป้องกันแสงและการต่อต้านการเกิดรอยดำ ด้วยความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมนี่เองจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีกลายเป็นตัวแทนของเวชสำอางที่ได้รับความนิยม อย่างไรก็ตาม การศึกษาทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสูตรเฉพาะของวิตามินซียังคงมีอยู่อย่างจำกัด มากกว่าไปกว่านั้นแล้วยังมีความท้าทายเกี่ยวกับการค้นหาสูตรที่เสถียรและซึมผ่านชั้นผิวหนังให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอีกด้วย
วิตามินซีสามารถจับคู่กับส่วนผสมดูแลผิว อะไรได้บ้าง
แน่นอนว่าวิตามินซีนั้น มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) จึงช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี ดังนั้น คนที่โดนแดดบ่อยๆ จะขาดวิตามินซีไม่ได้เลย นอกจากนั้น วิตามินซียังทำหน้าที่ในการปกป้องผิวไม่ให้ผิวโทรม และแก่ก่อนวัยอันควรได้ด้วย สำหรับส่วนผสมที่สามารถนำมาผสมกับวิตามินซีได้นั้น มีดังนี้
วิตามินซีผสมกับกรดเฟรูลิก (Ferulic acid)
ตามที่ ดร.Deanne Mraz Robinson ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกโรคผิวหนังแห่งโรงพยาบาล Yale New Haven ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า กรดเฟรูลิกสามารถต่อสู้กับอนุมูลอิสระ เพื่อป้องกันและแก้ไขความเสียหายของผิวหนัง และยืดอายุและประสิทธิภาพของวิตามินซีด้วย ส่วนวิตามินซีนั้นมีศักยภาพมากที่สุดมักเป็นรูปแบบที่ไม่เสถียรที่สุด เช่น กรดแอล-แอสคอร์บิก (L-ascorbic หรือ L-AA) ซึ่งหมายความว่า เซรั่มเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อแสง ความร้อน และอากาศ ดังนั้น เมื่อรวมกรดเฟรูลิกเข้ากับวิตามินซี มันจะช่วยทำให้วิตามินซี มีความคงตัว และมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระไม่ให้สลายหายไปในอากาศ
วิตามินซีผสมกับวิตามินอี
วิตามินอีไม่ได้เป็นส่วนผสมในการดูแลผิว แต่เมื่อจับคู่กับวิตามินซี ซึ่งทางสถาบัน Linus Pauling Institute จาก Oregon State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ส่วนผสมดังกล่าว มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงมากกว่าวิตามินอย่างเดียว ทั้ง 2 จะทำงานโดยการลบล้างความเสียหายจากอนุมูลอิสระ โดยวิตามินแต่ละตัวจะต่อสู้กับความเสียหายจากรังสียูวีที่แตกต่างกัน การเพิ่มวิตามินซีและวิตามินอีลงในเซรั่มที่ใช้ประจำวัน หรือถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินทั้ง 2 อย่าง จะทำให้ผิวของคุณได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อต่อสู้กับความเสียหายจากอนุมูลอิสระและการทำลายของรังสียูวีมากกว่าวิตามินซีเพียงตัวเดียว
วิตามินซีผสมกับวิตามินอี และกรดเฟรูลิก (Ferulic acid)
หลายคนอาจจะสงสัยว่าเมื่อวิตามินซีผสมกับวิตามินอีและกรดเฟรูลิกมารวมกันจะเป็นอย่างไร คำตอบก็คือมันจะมีพลังปกป้องผิวของคุณถึง 3 เท่าเลยทีเดียว ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซีและวิตามินอีที่ทำงานควบคู่กันไปกับการขจัดความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวี มันจึงเหมาะสมที่เหมาะกับครีมกันแดด เพื่อป้องกันรังสียูวีได้มากเป็นพิเศษ
ไขข้อสงสัย..ทำไมสารต้านอนุมูลอิสระจึงควรใช้คู่กับครีมกันแดด
เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระ ไม่สามารถทำหน้าที่แทนครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีได้ แต่มันสามารถเพิ่มการป้องกันแสงแดดได้คุณได้ จากการวิจัยจากแหล่งที่เชื่อถือได้แสดงให้เห็นว่า การรวมกันของวิตามินอี วิตามินซี และครีมกันแดด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสดงแดดได้ ซึ่งสิ่งนี่เป็นการผสมที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ทั้งในเรื่องของ ริ้วรอยที่มองเห็นได้ และมะเร็งผิวหนัง ได้เป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์ครีม คลิกที่นี่