ในอดีตน้ำผึ้งถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรคมานานนับพันปี น้ำผึ้งป็นหนึ่งในธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารต้านจุลินทรีย์มากที่สุด (antimicrobial) จึงไม่แปลกใจเลยที่เรามักได้ยิน นักโบราณคดีหลายคนอ้างว่าในขณะที่ขุดหลุมฝังศพของราชวงศ์อียิปต์ เขาค้นพบน้ำผึ้งที่เก็บไว้ในหม้อและยังไม่เสียด้วย ไม่เพียงเท่านั้น วัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก ต่างก็ได้ยกย่องว่าน้ำผึ้งว่าเป็น “สมบัติแห่งการรักษาที่น่าอัศจรรย์” แต่น้ำผึ้งไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด คุณภาพของการต้านเชื้อแบคทีเรียในน้ำผึ้งขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำผึ้ง รวมทั้งเวลาที่เก็บเกี่ยว น้ำผึ้งจึงไม่ได้มีคุณสมบัติเท่ากันทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีน้ำผึ้งมากกว่า 300 ชนิด มาน
มานูก้าฮันนี่ (Manuka Honey) แตกต่างจากน้ำผึ้งอื่นอย่างไร ?
มานูก้าฮันนี่ เป็นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งที่ผสมเกสรกับต้นมานูก้าที่มีแหล่งกำเนิดและเติบโตตามธรรมชาติในประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น น้ำผึ้งที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก และได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก
เหตุผลที่ทำให้น้ำผึ้งสายพันธุ์มานูก้านั้นมีราคาสูงก็เพราะคุณค่าและสารอาหารที่มีอยู่สูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป โดยธรรมดาแล้วน้ำผึ้งจะมีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายอย่างเช่น กรดอะมิโน วิตามินบีรวม และแร่ธาตุต่างๆ อย่างเช่นแคลเซียมและแมกนีเซียมเป็นต้น แต่ภายในน้ำผึ้งมานูก้านั้นจะมีสารอาหารและโภชนาการสูงกว่าถึง 4 เท่า ซึ่งผลวิจัยระบุว่าภายในน้ำผึ้งมานูก้าอุดมไปด้วย Active Antibacterial Anti-Oxidant Honey 650+ (AAH650+) รวมถึงการรวมตัวกันของกรดและสารอาหารที่มากไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกาย ที่ทางนักวิทยาศาสตร์เรียกสารที่พบในน้ำผึ้งมานูก้าว่า Unique Manuka Factor หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า UMF นั้นเอง โดยในปี 1980 มีการค้นพบว่าน้ำผึ้งมานูก้านั้นมีระดับเอนไซม์สูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้จะเป็นตัวสร้างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ธรรมชาติ (Hydrogen Peroxide) ที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย UMF จึงเป็นตัวการันตีว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณทางยาสูงแค่ไหน
ประโยชน์ในด้านผิวพรรณ
มานูก้าฮันนี่ มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำผึ้งทั่วไป ในด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระ การต่อต้านแบคทีเรีย การรักษาผิวและบาดแผล รวมทั้งมีเอนไซม์ที่ผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเปรียบเสมือนยาฆ่าเชื้อโรค และอุดมไปด้วยกรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ จึงช่วยปกป้องและชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ช่วยทำให้กระบวนผลัดเซลล์ผิวใหม่เป็นไปอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน น้ำผึ้งมานูก้า ยังมีสารช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยจะซึมซาบลึกลงสู่ผิวหนังเพื่อบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และนุ่มนวลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการรักษาจุดด่างดำ ช่วยปกป้องผิวจากการเสื่อมโทรมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ในทางการแพทย์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นประโยชน์ในการรักษาผิวที่มีปัญหา และการต่อต้านริ้วรอยได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการรักษาโรคผิวหนังต่างๆ อาทิ โรคเรื้อนกวางและสะเก็ดเงินอีกด้วย
เมื่อนำมาทาลงบนผิว น้ำผึ้งมานูก้าจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณของเราอย่างครอบคลุม ทั้งในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้น, ต่อต้านอนุมูลอิสระ, รักษาแผล และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ามีสรรพคุณทางยาสูง โดยอัดแน่นไปด้วยเอนไซม์ที่ผลิตไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งช่วยในเรื่องการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย, ต่อต้านการอักเสบและปลอบประโลมผิว อย่างเช่นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (Rosacea) หรือสิวเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว ซึ่งส่งผลให้ผิวเต้งตึงและแลดูอ่อนเยาว์
TIPS: ทาน้ำผึ้งมานูก้าลงบนผิวหน้า เว้นบริเวณรอบๆ ดวงตา แล้วมาส์กทิ้งไว้เป็นเวลา 15-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วตามด้วยสกินแคร์รูทีนของสาวๆ ได้เลย ส่วนใครที่อยากให้ผิวดูไบร์ทขึ้นด้วยเราแนะนำให้ลองผสมขมิ้นแบบผงลงไปในน้ำผึ้งสักหนึ่งหยิบมือก่อนที่จะทาลงบนผิวหน้า
นอกจากการบำรุงภายนอกแล้ว น้ำผึ้งมานูก้าก็สามารถเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ปัญหาเรื่องการนอนหลับหรือนอนไม่เต็มอิ่มได้ด้วย เนื่องจากมี Tryptophan (กรดแอมิโนชนิดหนึ่ง) สูง ซึ่งเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตของสาร Serotonin ที่ส่งสัญญาณให้ร่างกายของเรารู้สึกผ่อนคลายและนำไปสู่การผลิตของ Melatonin หนึ่งในฮอร์โมนสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกง่วง
TIPS: ก่อนเข้านอนผสมน้ำผึ้งมานูก้า 1 ช้อนชาลงในชาคาโมมายล์ หรือนมอุ่นร้อนก็ได้เช่นกัน
ช่วยรักษาบาดแผลและต่อต้านการติดเชื้อ
TIPS: สำหรับบาดแผลขนาดเล็ก แนะนำหลังทำความสะอาดแผลแล้วให้ทาน้ำผึ้งมานูก้าก่อนที่จะติดพาสเตอร์ แต่หากเป็นแผลที่ค่อนข้างใหญ่เราแนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ก่อนนะสาวๆ
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ความหนืดข้นของน้ำผึ้งจะช่วยเคลือบด้านในลำคอของเรา และด้วยสรรพคุณในด้านการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย น้ำผึ้งมานูก้าก็จะเปรียบเสหมือนยาจากธรรมชาติที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคภายในลำคอของเรา ซึ่งจะช่วยให้อาการไอหรือเจ็บคอหายไวยิ่งขึ้น
TIPS: เมื่อมีอาการเจ็บคอหรือไอ แนะนำให้กลืนน้ำผึ้งมานูก้า 1 ช้อนโต๊ะ หรือจะผสมลงในชาขิงร้อนก็ช่วยให้ชุ่มคอได้เช่นกัน
เนื่องจากน้ำผึ้งมานูก้ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจึงสามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นโดยจะช่วยลดอาการอักเสบภายในลำไส้ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของน้ำตาลที่เรียกว่า Oligosaccharides ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิตแบคทีเรียดีในลำไส้ของเราด้วย
TIPS: ผสมน้ำผึ้งมานูก้าลงในมื้ออาหาร อย่างเช่นราดลงบนโยเกิร์ต, ผสมในเครื่องดื่ม หรือจะปั่นรวมกับผลไม้อื่นๆ เป็นสมูทตี้ก็น่าทานนะสาวๆ